ข่าวสารและสาระน่ารู้
การฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้า
พิษสุนัขบ้า หรือ โรคกลัวน้ำ (Rabies) เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสที่ส่งผ่านทางน้ำลายของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม โดยเฉพาะสุนัข แมว และสัตว์ป่า โรคนี้เป็นอันตรายอย่างมาก เพราะหากแสดงอาการแล้ว จะมีอัตราการเสียชีวิตสูงเกือบ 100% ดังนั้น การฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าจึงมีความสำคัญมากในการป้องกันการเกิดโรค
การฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้า
การฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าสามารถแบ่งออกเป็นสองกรณีหลัก ได้แก่:
1. การฉีดวัคซีนก่อนการสัมผัส (Pre-Exposure)
การฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าล่วงหน้าหรือก่อนสัมผัสสัตว์ที่อาจมีเชื้อพิษสุนัขบ้า เหมาะสำหรับบุคคลที่มีความเสี่ยงสูง เช่น
- บุคลากรทางสัตวแพทย์
- เจ้าหน้าที่ที่ทำงานในสวนสัตว์ หรือศูนย์ดูแลสัตว์ป่า
- ผู้ที่ทำงานใกล้ชิดกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม หรืออยู่ในพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคพิษสุนัขบ้าสูง
การฉีดวัคซีนก่อนสัมผัส:
- ฉีด 3 เข็มในวันที่ 0, 7, และ 21 หรือ 28
หลังจากฉีดวัคซีนครบตามกำหนดแล้ว บุคคลเหล่านี้จะมีภูมิคุ้มกันต่อโรคพิษสุนัขบ้า แต่หากสัมผัสกับสัตว์ที่อาจมีเชื้อพิษสุนัขบ้า ยังจำเป็นต้องได้รับวัคซีนเสริมเพิ่มเติมเพื่อความปลอดภัย
2. การฉีดวัคซีนหลังจากการสัมผัส (Post-Exposure)
เมื่อถูกกัด ข่วน หรือเลียบริเวณที่มีแผลเปิดจากสัตว์ที่อาจมีเชื้อพิษสุนัขบ้า ต้องเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าอย่างเร่งด่วน นี่เป็นการรักษาเพื่อป้องกันการติดเชื้อในระยะแรกหลังจากสัมผัสเชื้อ
ขั้นตอนการรักษา:
- ทำความสะอาดแผลทันที: ล้างแผลด้วยน้ำสะอาดและสบู่เป็นเวลาอย่างน้อย 15 นาที และใช้น้ำยาฆ่าเชื้อ เช่น แอลกอฮอล์ 70% หรือโพวิโดนไอโอดีน
- ไปพบแพทย์ทันที: แพทย์จะพิจารณาว่าแผลรุนแรงหรือไม่และจำเป็นต้องฉีดวัคซีนหรือไม่
- การฉีดวัคซีน: หลังจากสัมผัสเชื้อ ควรเริ่มฉีดวัคซีนทันทีในวันที่ 0 และฉีดเข็มต่อๆ ไปในวันที่ 3, 7, และ 14 สำหรับผู้ที่เคยได้รับวัคซีนก่อนหน้านี้ อาจลดจำนวนเข็มเป็นวันที่ 0 และ 3
- การฉีดอิมมูโนโกลบูลิน (Rabies Immunoglobulin): ในกรณีที่เป็นแผลรุนแรงและมีความเสี่ยงสูง แพทย์อาจฉีดอิมมูโนโกลบูลินซึ่งเป็นสารภูมิคุ้มกันช่วยให้ร่างกายมีความพร้อมในการป้องกันเชื้อในช่วงที่วัคซีนยังไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้เต็มที่
อาการบ่งชี้ของพิษสุนัขบ้า
- ไข้ ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย
- เจ็บคอ เบื่ออาหาร คลื่นไส้
- เกิดอาการทางระบบประสาท เช่น กลัวน้ำ, กลัวลม, มีอาการกระตุก, ชัก
- หากแสดงอาการแล้ว โรคนี้จะร้ายแรงถึงชีวิต
ข้อแนะนำในการป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสัตว์จรจัดที่ไม่รู้ประวัติการฉีดวัคซีน
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่าสัตว์เลี้ยงได้รับวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าอย่างสม่ำเสมอ
- หากถูกสัตว์กัดหรือข่วน ควรทำความสะอาดแผลและไปพบแพทย์ทันที
- สำหรับผู้ที่ต้องทำงานใกล้ชิดกับสัตว์หรือเดินทางไปในพื้นที่เสี่ยง ควรพิจารณาฉีดวัคซีนป้องกันล่วงหน้า
สรุป
การฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสที่รุนแรงนี้ ไม่ว่าจะเป็นการฉีดวัคซีนล่วงหน้าหรือหลังจากการสัมผัส การเข้ารับการรักษาและการฉีดวัคซีนทันทีหลังจากถูกกัดหรือข่วนจากสัตว์ที่อาจมีเชื้อพิษสุนัขบ้าเป็นสิ่งสำคัญเพื่อป้องกันการเกิดโรค