สัตว์เลี้ยงป่วยหรือแค่ซึม? วิธีสังเกตอาการเบื้องต้น
หลายครั้งเจ้าของสัตว์เลี้ยงอาจสังเกตเห็นว่า “น้องหมาหรือแมวดูเงียบลง กินน้อย ไม่ค่อยเล่น” แล้วเริ่มสงสัยว่า… “เขาป่วยหรือแค่ซึมเฉย ๆ?”
เพราะสัตว์เลี้ยงไม่สามารถพูดบอกเราได้เหมือนคน การสังเกตพฤติกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการดูแลสุขภาพของพวกเขา
บทความนี้จะช่วยคุณแยกให้ออกระหว่าง “อาการซึมปกติ” กับ “สัญญาณของการเจ็บป่วย” รวมถึงแนวทางปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนพาไปพบสัตวแพทย์
1. เข้าใจ “ความซึม” ของสัตว์เลี้ยงก่อน
“ซึม” ในสัตว์เลี้ยง หมายถึงการที่พวกเขามี พฤติกรรมเงียบลง เคลื่อนไหวน้อย ไม่ร่าเริงเหมือนปกติ
โดยทั่วไปอาจเกิดจากสาเหตุทั่วไป เช่น
อากาศร้อนหรือหนาวเกินไป
ง่วง เหนื่อย หรือพักผ่อนไม่เพียงพอ
มีความเครียด (ย้ายบ้าน, มีสัตว์ใหม่, เสียงดัง, ถูกดุ)
แต่หากสัตว์เลี้ยง “ซึมต่อเนื่องเกิน 1–2 วัน” หรือมีอาการผิดปกติอื่นร่วมด้วย นั่นอาจเป็นสัญญาณเตือนว่า น้องป่วยจริง ๆ
2. สังเกตอาการจาก “5 พฤติกรรมหลัก”
2.1 ความอยากอาหาร
ปกติ: กินอาหารตามปกติ สนใจของกินและน้ำ
เริ่มป่วย: กินน้อยลง เหม็นอาหาร หรือไม่กินเลย
ควรระวัง:
หยุดกินเกิน 24 ชั่วโมงในแมว
หยุดกินเกิน 12 ชั่วโมงในสุนัข
→ ควรรีบพาไปพบสัตวแพทย์ เพราะอาจมีปัญหาเกี่ยวกับทางเดินอาหาร ตับ หรือไต
2.2 พลังงานและการเคลื่อนไหว
ปกติ: เดิน วิ่ง หรือเล่นตามกิจวัตร
เริ่มป่วย: เดินช้า ลุกยาก นอนมากผิดปกติ
ควรระวัง: หากลุกไม่ขึ้นหรือเดินเซ อาจเกิดจากปัญหาเกี่ยวกับกล้ามเนื้อ กระดูก หรือระบบประสาท
2.3 พฤติกรรมการขับถ่าย
อุจจาระ: ถ่ายเป็นก้อนปกติ สีไม่ผิดเพี้ยน
ผิดปกติ: ถ่ายเหลว มีเลือดปน หรือไม่ถ่ายเลยเกิน 2 วัน
ปัสสาวะ: ปกติสีใสหรือเหลืองอ่อน
ผิดปกติ: ปัสสาวะน้อยมาก ปัสสาวะสีเข้ม หรือมีกลิ่นแรง
💡 สุนัขหรือแมวที่ไม่ถ่ายอาจมีภาวะท้องผูก ริดสีดวง หรือโรคไต ควรรีบพาไปพบสัตวแพทย์
2.4 การหายใจและเสียงร้อง
หายใจปกติ: สม่ำเสมอ ไม่มีเสียงหวีดหรือหอบ
ผิดปกติ: หอบ หายใจแรง มีเสียงครืดคราด หรือหายใจปากอ้า (ในแมวถือว่าผิดปกติ)
เสียงร้อง:
หากร้องบ่อยกว่าปกติ อาจมีความเจ็บปวด
หากเงียบผิดปกติในสัตว์ที่ชอบส่งเสียง อาจมีภาวะซึมเศร้าหรือป่วย
2.5 พฤติกรรมทั่วไป
ปกติ: ตอบสนองเจ้าของ เดินเข้ามาหาเวลาถูกเรียก
เริ่มป่วย: ไม่สนใจสิ่งรอบข้าง ซ่อนตัว หรืออยู่เฉย ๆ
ควรระวัง: การซ่อนตัวในแมวเป็นสัญญาณชัดของความไม่สบาย เช่น มีไข้ เจ็บป่วย หรือเครียด
3. ตรวจดู “อาการทางร่างกาย” เบื้องต้น
ลองสังเกตสิ่งเหล่านี้ที่บ่งบอกถึงความผิดปกติทางกาย
| ส่วนของร่างกาย | อาการปกติ | อาการผิดปกติ |
|---|---|---|
| ตา | ใส ไม่มีขี้ตา | ตาแดง น้ำตาไหล หรือขุ่น |
| จมูก | ชื้นเล็กน้อย | แห้ง มีน้ำมูก หรือเลือดออก |
| ปาก/เหงือก | สีชมพูสด | ซีด เหลือง หรือมีแผลในปาก |
| หู | สะอาด ไม่มีกลิ่น | มีกลิ่น เหงื่อ หรือขี้หูมาก |
| ผิวหนัง/ขน | ขนนุ่ม เงา | ขนร่วง แผลคัน เห็บหมัดเกาะ |
| อุณหภูมิ | 37.5–39°C | ตัวร้อนจัดหรือหนาวสั่นผิดปกติ |
📌 หากพบอาการผิดปกติในหลายข้อพร้อมกัน ควรพาสัตว์เลี้ยงไปพบสัตวแพทย์ทันที
4. สัตว์เลี้ยง “ซึมเพราะจิตใจ” ก็มีนะ!
สัตว์เลี้ยงไม่ได้ป่วยทางกายเสมอไป บางครั้งความซึมอาจเกิดจาก ปัญหาทางอารมณ์หรือความเครียด เช่น
การย้ายบ้านหรือเปลี่ยนสภาพแวดล้อม
การจากไปของเจ้าของหรือเพื่อนสัตว์เลี้ยง
เสียงดัง เช่น ฟ้าร้อง พลุ หรือเครื่องจักร
การถูกทิ้งให้อยู่ลำพังบ่อย ๆ
แนวทางดูแล:
ให้เวลากับสัตว์มากขึ้น พูดคุยหรือกอดเบา ๆ
เปิดเพลงเบา ๆ เพื่อช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย
พาออกไปเดินเล่นหรือทำกิจกรรมที่ชอบ
หากซึมเกิน 1–2 สัปดาห์ ควรปรึกษาสัตวแพทย์ด้านพฤติกรรมสัตว์
5. การปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนพาไปพบสัตวแพทย์
จัดพื้นที่ให้เงียบ สงบ และมีอากาศถ่ายเทดี
ให้ดื่มน้ำสะอาด (แต่ไม่บังคับ)
หากมีไข้ ตัวร้อน ให้ใช้ผ้าชุบน้ำหมาด ๆ เช็ดตัว
ห้ามให้ยาแก้ปวดของคนเด็ดขาด เพราะอาจเป็นพิษร้ายแรงต่อสัตว์เลี้ยง เช่น พาราเซตามอล หรือไอบูโพรเฟน
โทรสอบถามสัตวแพทย์ประจำก่อนนำส่งคลินิก
6. เมื่อไรควรรีบพาไปพบสัตวแพทย์
หากสัตว์เลี้ยงมีอาการต่อไปนี้ ไม่ควรรอดูอาการ ควรรีบไปพบสัตวแพทย์ทันที
ซึมและไม่ยอมกินอาหารเกิน 24 ชั่วโมง
หายใจลำบาก หรือมีเสียงหวีด
มีไข้ ตัวร้อน หรือหนาวสั่น
อาเจียนหรือท้องเสียรุนแรง
เดินเซ ล้ม หรือไม่สามารถลุกได้
มีเลือดออกจากปาก จมูก หรือทวาร
มีอาการชัก หรือสลบ
7. สรุป
การสังเกตพฤติกรรมสัตว์เลี้ยงในชีวิตประจำวันคือ “กุญแจสำคัญ” ในการดูแลสุขภาพของพวกเขา
สัตว์เลี้ยงที่ ซึมเพราะเหนื่อย จะกลับมาร่าเริงได้ภายใน 1–2 วัน
แต่หาก “ซึมร่วมกับอาการอื่น” เช่น ไม่กินอาหาร มีไข้ หายใจเร็ว หรือขับถ่ายผิดปกติ นั่นอาจเป็นสัญญาณของโรคที่ต้องรักษาโดยสัตวแพทย์
การใส่ใจสังเกตในทุกวัน จะช่วยให้คุณรู้ทันความผิดปกติและช่วยชีวิตเพื่อนรักสี่ขาได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น
ติดต่อเรา : www.natradaanimalhospital.com