วิธีดูแลสัตว์เลี้ยงในช่วงหน้าร้อน — ป้องกันฮีทสโตรกและขาดน้ำ
ทุกครั้งที่เข้าสู่หน้าร้อน อุณหภูมิในประเทศไทยมักพุ่งสูงเกิน 35–40 องศา ไม่เพียงแต่ทำให้คนรู้สึกเหนื่อยล้า แต่อาจส่งผลร้ายแรงต่อสุขภาพของสัตว์เลี้ยงได้เช่นกัน โดยเฉพาะสุนัขและแมวที่ไม่สามารถระบายความร้อนได้ดีเหมือนมนุษย์
สัตว์เลี้ยงไม่มีต่อมเหงื่อทั่วร่างกาย พวกมันจะระบายความร้อนผ่านการหอบหรือการเลียขน เมื่ออากาศร้อนจัด ร่างกายจึงสะสมความร้อนมากเกินไป จนอาจเกิดภาวะ “ฮีทสโตรก (Heat Stroke)” หรือโรคลมแดด ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ภายในเวลาไม่กี่นาที
ฮีทสโตรกคืออะไร
ฮีทสโตรก คือภาวะที่อุณหภูมิร่างกายสัตว์สูงเกิน 40 องศา ทำให้ระบบภายในล้มเหลว หัวใจเต้นผิดปกติ สมองขาดออกซิเจน และอวัยวะภายในอาจหยุดทำงาน
สัตว์ที่มีความเสี่ยงสูง ได้แก่
สุนัขพันธุ์หน้าสั้น เช่น ปั๊ก บูลด็อก ชิสุ
แมวขนยาว เช่น เปอร์เซีย เมนคูน
สัตว์อ้วน สัตว์สูงอายุ หรือสัตว์ป่วยเรื้อรัง
สัตว์ที่อยู่ในพื้นที่ร้อน อับ ไม่ถ่ายเท เช่น ห้องปิดหรือในรถ
สัญญาณเตือนอันตราย
อาการที่บ่งบอกว่าสัตว์เลี้ยงกำลังมีอุณหภูมิร่างกายสูงเกินไป ได้แก่
หอบแรง หายใจเร็วผิดปกติ
น้ำลายไหลมากหรือน้ำลายเหนียว
ตัวร้อนจัด
ลิ้นมีสีเข้มหรือม่วง
อาเจียน เดินเซ หรือหมดแรง
หมดสติหรือชัก
เมื่อพบอาการเหล่านี้ ควรรีบนำสัตว์เข้าที่ร่ม ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นเช็ดตัว และรีบพาไปพบสัตวแพทย์ทันที
วิธีดูแลสัตว์เลี้ยงในช่วงอากาศร้อน
1. จัดพื้นที่ให้เย็นและอากาศถ่ายเท
วางกรงหรือที่นอนในบริเวณร่มที่มีลมพัด หลีกเลี่ยงบริเวณที่แดดส่องโดยตรง หากเลี้ยงในบ้าน ควรเปิดพัดลมหรือแอร์ช่วยระบายอากาศ
ไม่ควรทิ้งสัตว์ไว้ในรถเด็ดขาด แม้เปิดกระจกไว้ เพราะอุณหภูมิในรถสามารถสูงกว่า 50 องศาภายในไม่กี่นาที
2. เติมน้ำสะอาดให้เพียงพอตลอดวัน
ควรมีน้ำสะอาดให้สัตว์เลี้ยงตลอดเวลา เปลี่ยนน้ำวันละหลายครั้งเพื่อป้องกันเชื้อแบคทีเรีย
สามารถใส่น้ำแข็งเล็กน้อยช่วยลดอุณหภูมิได้ และเลือกใช้ชามน้ำโลหะหรือเซรามิกที่เก็บความเย็นได้ดี
3. หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้งช่วงเที่ยง
ช่วงแดดแรงที่สุดคือระหว่าง 10.00–16.00 น. หากต้องพาสัตว์เดินเล่น ควรเลือกช่วงเช้าหรือเย็น
พื้นถนนร้อนมากอาจทำให้แผ่นเท้าสุนัขไหม้ได้ ทดสอบง่าย ๆ ด้วยการใช้หลังมือแตะพื้น 5 วินาที ถ้ารู้สึกร้อนจนทนไม่ได้ แสดงว่าร้อนเกินไปสำหรับสัตว์เช่นกัน
4. ปรับอาหารให้เหมาะกับอากาศ
หลีกเลี่ยงอาหารมันจัดหรือเค็มจัด เพราะจะกระตุ้นให้ร่างกายกระหายน้ำมากขึ้น
เพิ่มอาหารที่มีความชุ่มน้ำ เช่น แตงกวา แครอท หรืออาหารเปียกสูตรอ่อนโยน
หากสัตว์เบื่ออาหารเพราะอากาศร้อน ลองแบ่งให้กินทีละน้อยแต่บ่อยครั้งแทน
5. อาบน้ำให้เหมาะสม
การอาบน้ำช่วยลดความร้อนและกำจัดสิ่งสกปรก แต่ไม่ควรอาบบ่อยจนเกินไป เพราะอาจทำให้ผิวแห้ง
แนวทางแนะนำ:
สุนัขควรอาบสัปดาห์ละ 1–2 ครั้ง
แมวเดือนละ 1 ครั้ง หรือใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัวแทน
หลังอาบน้ำควรเป่าขนให้แห้ง เพื่อป้องกันเชื้อราและกลิ่นอับ
6. ตรวจสุขภาพและผิวหนังเป็นประจำ
อากาศร้อนและความชื้นสูงเอื้อต่อการเกิดเห็บ หมัด และเชื้อรา
ควรตรวจเช็กขน ผิวหนัง และหูของสัตว์ทุกสัปดาห์ หากพบผื่น แผล หรืออาการคันผิดปกติ ควรพาไปพบสัตวแพทย์
7. เตรียมอุปกรณ์ช่วยคลายร้อน
สามารถใช้ของเหล่านี้ช่วยลดอุณหภูมิให้สัตว์เลี้ยงได้
แผ่นเจลเย็น (Cooling Pad)
ผ้าชุบน้ำหมาด ๆ วางในกรง
สเปรย์เย็นสำหรับสัตว์เลี้ยง
พัดลมหรือเครื่องพ่นละอองน้ำ
การปฐมพยาบาลเมื่อสัตว์เป็นฮีทสโตรก
พาเข้าที่ร่มและระบายอากาศ
ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นเช็ดตัว โดยเฉพาะคอ ใต้รักแร้ และอุ้งเท้า
ให้ดื่มน้ำเล็กน้อย
เปิดพัดลมหรือแอร์ช่วยลดอุณหภูมิ
รีบนำส่งสัตวแพทย์ทันที
ไม่ควรอาบน้ำเย็นจัด เพราะความเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิอย่างรวดเร็วอาจทำให้หัวใจวายได้
กลุ่มสัตว์ที่ต้องระวังเป็นพิเศษ
สุนัขพันธุ์หน้าสั้น เช่น ปั๊ก บูลด็อก ชิสุ
แมวขนยาว เช่น เปอร์เซีย
สัตว์อ้วนหรือสูงอายุ
สัตว์ที่มีโรคหัวใจหรือระบบทางเดินหายใจ
สัตว์ในกลุ่มนี้ควรอยู่ในพื้นที่เย็นตลอดเวลา และมีน้ำดื่มใกล้ตัวเสมอ
สรุป
อากาศร้อนเป็นภัยเงียบที่อาจคุกคามชีวิตสัตว์เลี้ยงได้ การดูแลพวกเขาให้ปลอดภัยเริ่มต้นได้จากสิ่งง่าย ๆ เช่น การจัดที่อยู่ให้ร่มเย็น เติมน้ำให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงแดดจัด และหมั่นสังเกตอาการผิดปกติ
เพียงใส่ใจในรายละเอียดเล็กน้อย สัตว์เลี้ยงของคุณก็จะผ่านหน้าร้อนไปได้อย่างมีความสุข สุขภาพดี และปลอดภัยจากภาวะฮีทสโตรกตลอดฤดูนี้.
ติดต่อเรา : www.natradaanimalhospital.com