การดูแลไก่ไม่ให้เกิดโรคร้ายแรง

ข่าวสารและสาระน่ารู้ การดูแลไก่ไม่ให้เกิดโรคร้ายแรง การดูแลไก่ไม่ให้เกิดโรคร้ายแรง การเลี้ยงไก่เป็นอาชีพที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย แต่การดูแลรักษาไก่ให้มีสุขภาพดีและไม่เกิดโรคร้ายแรงนั้นต้องใช้ความรู้และการดูแลที่เหมาะสม นี่คือแนวทางการดูแลไก่ที่สำคัญ: 1. การเลือกพันธุ์ไก่ที่เหมาะสม เลือกพันธุ์ไก่ที่มีความต้านทานโรคและเหมาะสมกับสภาพอากาศในพื้นที่ เช่น ไก่สายพันธุ์ที่ทนต่อความร้อนและโรคระบาดในพื้นที่นั้น 2. การจัดสภาพแวดล้อม พื้นที่เลี้ยง: ควรมีพื้นที่ที่กว้างขวางและมีการระบายอากาศที่ดี เพื่อป้องกันการสะสมของความชื้นที่อาจทำให้เกิดโรค ที่นอน: ใช้วัสดุที่เหมาะสม เช่น ฟางหรือไม้เพื่อให้ไก่รู้สึกสบายและลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคที่เท้า 3. การดูแลด้านโภชนาการ ให้อาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน เช่น เมล็ดธัญพืช ผัก ผลไม้ และแร่ธาตุ เพื่อเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ควรให้ไก่ดื่มน้ำสะอาดและเพียงพอทุกวัน 4. การฉีดวัคซีน ทำการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคที่สำคัญ เช่น โรคไข้หวัดนก โรคโคโรน่า และโรคอหิวาต์ในสัตว์ปีก ควรปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อกำหนดแผนการฉีดวัคซีนที่เหมาะสม 5. การตรวจสุขภาพประจำ ตรวจสอบสุขภาพไก่อย่างสม่ำเสมอ เช่น การสังเกตอาการผิดปกติ เช่น อาการซึมเศร้า เบื่ออาหาร หรืออาการหายใจลำบาก หากพบอาการผิดปกติควรแยกไก่ตัวนั้นออกจากฝูงและปรึกษาสัตวแพทย์ทันที 6. การรักษาความสะอาด ทำความสะอาดพื้นที่เลี้ยงไก่เป็นประจำ เพื่อลดการสะสมของเชื้อโรคและสิ่งสกปรก ล้างและฆ่าเชื้ออุปกรณ์ เช่น ถาดอาหาร […]

ฮิปโปโปเตมัสกินอะไรเป็นหาร การเลี้ยงฮิปโป

ข่าวสารและสาระน่ารู้ ฮิปโปโปเตมัส กินอะไรเป็นหาร การเลี้ยงฮิปโป ฮิปโปโปเตมัส (ฮิปโป) เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ที่อาศัยอยู่ตามธรรมชาติในพื้นที่ชุ่มน้ำของแอฟริกา ฮิปโปมีพฤติกรรมการกินและการเลี้ยงดูที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งควรได้รับการดูแลอย่างดีหากเลี้ยงในสภาพแวดล้อมที่ไม่ใช่ธรรมชาติ นี่คือข้อมูลเกี่ยวกับอาหารและการเลี้ยงดูฮิปโป อาหารของฮิปโป พืชเป็นหลัก (Herbivore) ฮิปโปเป็นสัตว์กินพืชเป็นหลัก โดยอาหารของมันมักจะประกอบไปด้วยหญ้าเป็นส่วนใหญ่ (ประมาณ 80-90% ของอาหารในแต่ละวัน) ฮิปโปสามารถกินหญ้าได้ถึง 35 กิโลกรัมต่อวัน นอกจากนี้ ฮิปโปยังอาจกินพืชน้ำและใบไม้ต่าง ๆ ที่พบตามธรรมชาติในแหล่งที่อยู่ของพวกมัน เช่น ต้นอ้อ หรือพืชอื่นที่เติบโตในน้ำ การกินในน้ำและบนบก ในระหว่างวัน ฮิปโปจะใช้เวลาส่วนใหญ่ในน้ำเพื่อรักษาความเย็น แต่เมื่อพลบค่ำหรือเวลากลางคืน พวกมันจะขึ้นจากน้ำเพื่อหาอาหาร โดยเดินไปตามทุ่งหญ้ารอบแหล่งน้ำเพื่อหาหญ้าและพืชอื่น ๆ กิน น้ำ ฮิปโปจำเป็นต้องอยู่ใกล้แหล่งน้ำเสมอ เพราะนอกจากการดื่มน้ำเพื่อรักษาระดับความชุ่มชื้นแล้ว ฮิปโปยังต้องใช้เวลาอยู่ในน้ำเพื่อป้องกันผิวหนังไม่ให้แห้งและเพื่อหลบแดด การเลี้ยงฮิปโป การเลี้ยงฮิปโปไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากพฤติกรรมและลักษณะการดำเนินชีวิตของมัน ดังนั้นจึงต้องมีการจัดเตรียมพื้นที่ที่เหมาะสมและดูแลอย่างดี: พื้นที่กว้างและแหล่งน้ำขนาดใหญ่ ฮิปโปต้องการพื้นที่กว้างขวางในการเดินหาอาหาร โดยต้องมีแหล่งน้ำขนาดใหญ่ให้พวกมันสามารถแช่น้ำได้ตลอดทั้งวัน น้ำนี้ต้องสะอาดและมีปริมาณเพียงพอ อาหารที่เพียงพอ เนื่องจากฮิปโปกินหญ้าในปริมาณมาก ผู้เลี้ยงต้องมั่นใจว่าแหล่งอาหารมีความหลากหลายและเพียงพอต่อความต้องการ โดยอาจต้องเสริมอาหารด้วยหญ้าจากแหล่งภายนอก และพืชเสริม เช่น ผักสดหรือพืชน้ำบางชนิด […]

เชื้อราที่มากับสัตว์ช่วงหน้าฝน

ข่าวสารและสาระน่ารู้ เชื้อราที่มากับสัตว์ช่วงหน้าฝน ช่วงหน้าฝนเป็นช่วงที่สภาพอากาศมีความชื้นสูง ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้เชื้อราเติบโตและแพร่กระจายได้ง่าย ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมรอบบ้านเท่านั้น แต่ยังสามารถส่งผลกระทบต่อสัตว์เลี้ยงและคนในครอบครัวได้ด้วย โดยเฉพาะเชื้อราที่มากับสัตว์เลี้ยงเมื่อพวกมันเปียกน้ำหรือสัมผัสกับสิ่งแวดล้อมที่ชื้นแฉะ นี่คือเชื้อราที่มักพบในสัตว์ช่วงหน้าฝน เชื้อราที่พบบ่อยในสัตว์เลี้ยงช่วงหน้าฝน เชื้อรา Microsporum และ Trichophyton (เชื้อราในกลุ่ม Dermatophytes) โรคที่เกี่ยวข้อง: กลากหรือเชื้อราบนผิวหนัง (Ringworm) ลักษณะอาการ: มักพบเป็นวงกลม ๆ บนผิวหนังของสัตว์ ขนร่วงเป็นหย่อม ๆ มีอาการคัน ผิวหนังแดง และเกิดการอักเสบ สามารถแพร่กระจายไปยังสัตว์ตัวอื่น ๆ และคนได้ การป้องกัน: ควรทำความสะอาดและรักษาความแห้งบริเวณที่สัตว์เลี้ยงอาศัยอยู่ หลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรงกับบริเวณที่มีอาการ หากพบอาการควรพาสัตว์เลี้ยงไปพบสัตวแพทย์เพื่อทำการรักษา เชื้อรา Malassezia โรคที่เกี่ยวข้อง: การติดเชื้อรา Malassezia ที่ผิวหนังและหู (Malassezia Dermatitis/Otitis) ลักษณะอาการ: ผิวหนังอักเสบ มีอาการคัน ขนมันเยิ้ม หรือมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ มักพบในบริเวณที่มีความชื้นสูง เช่น รักแร้ ขาหนีบ และหู การป้องกัน: หมั่นอาบน้ำและทำความสะอาดสัตว์เลี้ยงให้แห้งสนิท โดยเฉพาะหลังจากที่สัตว์เลี้ยงเปียกน้ำหรืออาบน้ำ […]

การฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้า

ข่าวสารและสาระน่ารู้ การฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้า พิษสุนัขบ้า หรือ โรคกลัวน้ำ (Rabies) เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสที่ส่งผ่านทางน้ำลายของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม โดยเฉพาะสุนัข แมว และสัตว์ป่า โรคนี้เป็นอันตรายอย่างมาก เพราะหากแสดงอาการแล้ว จะมีอัตราการเสียชีวิตสูงเกือบ 100% ดังนั้น การฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าจึงมีความสำคัญมากในการป้องกันการเกิดโรค การฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้า การฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าสามารถแบ่งออกเป็นสองกรณีหลัก ได้แก่: 1. การฉีดวัคซีนก่อนการสัมผัส (Pre-Exposure) การฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าล่วงหน้าหรือก่อนสัมผัสสัตว์ที่อาจมีเชื้อพิษสุนัขบ้า เหมาะสำหรับบุคคลที่มีความเสี่ยงสูง เช่น บุคลากรทางสัตวแพทย์ เจ้าหน้าที่ที่ทำงานในสวนสัตว์ หรือศูนย์ดูแลสัตว์ป่า ผู้ที่ทำงานใกล้ชิดกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม หรืออยู่ในพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคพิษสุนัขบ้าสูง การฉีดวัคซีนก่อนสัมผัส: ฉีด 3 เข็มในวันที่ 0, 7, และ 21 หรือ 28 หลังจากฉีดวัคซีนครบตามกำหนดแล้ว บุคคลเหล่านี้จะมีภูมิคุ้มกันต่อโรคพิษสุนัขบ้า แต่หากสัมผัสกับสัตว์ที่อาจมีเชื้อพิษสุนัขบ้า ยังจำเป็นต้องได้รับวัคซีนเสริมเพิ่มเติมเพื่อความปลอดภัย 2. การฉีดวัคซีนหลังจากการสัมผัส (Post-Exposure) เมื่อถูกกัด ข่วน หรือเลียบริเวณที่มีแผลเปิดจากสัตว์ที่อาจมีเชื้อพิษสุนัขบ้า ต้องเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าอย่างเร่งด่วน นี่เป็นการรักษาเพื่อป้องกันการติดเชื้อในระยะแรกหลังจากสัมผัสเชื้อ ขั้นตอนการรักษา: ทำความสะอาดแผลทันที: ล้างแผลด้วยน้ำสะอาดและสบู่เป็นเวลาอย่างน้อย […]

วิธีดูแลสุนัขกำลังตั้งท้อง

ข่าวสารและสาระน่ารู้ การดูแลสุนัขที่กำลังตั้งท้องต้องใส่ใจอย่างพิเศษเพื่อให้ทั้งแม่และลูกสุนัขมีสุขภาพที่ดี นี่คือคำแนะนำเบื้องต้นที่คุณสามารถปฏิบัติตามได้ 1. การตรวจสุขภาพ ตรวจสุขภาพกับสัตวแพทย์: ควรพาไปพบสัตวแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพและยืนยันการตั้งครรภ์โดยการอัลตราซาวน์หรือ X-ray เพื่อดูจำนวนลูกสุนัขและสุขภาพโดยรวมของทั้งแม่และลูกในครรภ์ 2. การเลือกอาหาร อาหารคุณภาพสูง: ให้อาหารสำหรับสุนัขตั้งท้องที่มีโปรตีนและพลังงานสูง เน้นอาหารที่มีคุณภาพดีและย่อยง่าย คุณอาจต้องเพิ่มปริมาณอาหารในช่วง 3 สัปดาห์สุดท้ายของการตั้งครรภ์ 3. การออกกำลังกาย การออกกำลังกายเบาๆ: สุนัขตั้งครรภ์ควรได้รับการออกกำลังกายอย่างพอเหมาะ เช่น เดินเล่นอย่างนุ่มนวล หลีกเลี่ยงการกระโดดหรือออกกำลังกายหนักที่อาจทำให้เกิดความเสี่ยง 4. การดูแลและความสะอาด เตรียมที่นอนและพื้นที่คลอดลูก: จัดห้องหรือพื้นที่ที่สะอาดและสงบสำหรับสุนัขในการคลอดลูก ที่นอนควรนุ่มและปลอดภัย เพื่อให้สุนัขสามารถคลอดลูกได้อย่างสะดวกและมีความเป็นส่วนตัว 5. การสังเกตอาการและพฤติกรรม สังเกตการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม: ใกล้ช่วงคลอด สุนัขอาจแสดงพฤติกรรมต่างๆ เช่น หางานคลอด, หรือแสดงอาการวิตกกังวลมากขึ้น สังเกตและจดจำพฤติกรรมเหล่านี้เพื่อให้คุณพร้อมสำหรับการคลอด 6. เตรียมพร้อมสำหรับการคลอด รู้เกี่ยวกับกระบวนการคลอด: มีความรู้เกี่ยวกับกระบวนการคลอดธรรมชาติและเมื่อไรควรติดต่อสัตวแพทย์หากมีอาการผิดปกติ เช่น แม่สุนัขมีอาการเครียดมากหรือมีการคลอดลูกค้าง ด้วยการดูแลอย่างใกล้ชิดและเตรียมความพร้อมอย่างดี คุณจะช่วยให้แม่สุนัขและลูกสุนัขมีสุขภาพที่ดีและปลอดภัยในช่วงเวลาสำคัญนี้ได้.

การดูแลแมวที่กำลังตั้งท้อง

ข่าวสารและสาระน่ารู้ การดูแลแมวที่กำลังตั้งท้องเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะในช่วงนี้แมวต้องการสารอาหารและการดูแลเป็นพิเศษเพื่อสุขภาพที่ดีของทั้งแม่แมวและลูกแมวในท้อง นี่คือคำแนะนำในการดูแลแมวท้อง 1. อาหารและโภชนาการ อาหารที่มีคุณภาพสูง: ให้แมวกินอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วน อาหารที่ออกแบบมาสำหรับแมวตั้งท้องหรืออาหารลูกแมวที่มีโปรตีนและแคลอรี่สูง เหมาะสำหรับแมวท้องที่ต้องการพลังงานมากขึ้น เสริมอาหารเสริมตามความจำเป็น: ปรึกษาสัตวแพทย์เกี่ยวกับการให้อาหารเสริม เช่น วิตามิน หรือแคลเซียม เพื่อให้แน่ใจว่าแมวได้รับสารอาหารที่เพียงพอสำหรับการเจริญเติบโตของลูกแมว 2. การจัดการพื้นที่และสภาพแวดล้อม จัดเตรียมที่พักที่เงียบสงบ: แมวท้องต้องการสถานที่ที่เงียบสงบและปลอดภัยสำหรับการคลอดลูก จัดเตรียมพื้นที่ที่สะอาดและอบอุ่น เช่น กล่องหรือที่นอนที่มีผ้านุ่ม ๆ เพื่อให้แมวรู้สึกสบาย ควบคุมอุณหภูมิ: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าแมวได้รับความอบอุ่นเพียงพอ โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศเย็น 3. การตรวจสุขภาพและการดูแลทางการแพทย์ พบสัตวแพทย์อย่างสม่ำเสมอ: การตรวจสุขภาพระหว่างการตั้งท้องเป็นสิ่งสำคัญ สัตวแพทย์จะช่วยตรวจดูพัฒนาการของลูกแมวในท้องและให้คำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพของแม่แมว ฉีดวัคซีนและป้องกันพยาธิ: ปรึกษาสัตวแพทย์เกี่ยวกับการฉีดวัคซีนและการป้องกันพยาธิ เนื่องจากการติดพยาธิอาจเป็นอันตรายต่อทั้งแม่แมวและลูกแมวในท้อง 4. การออกกำลังกายและการดูแลทั่วไป ส่งเสริมการออกกำลังกายเบา ๆ: แม้ว่าการออกกำลังกายเป็นสิ่งที่ดีสำหรับแมวตั้งท้อง แต่ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก ควรให้แมวได้เดินเล่นหรือเคลื่อนไหวเบา ๆ ในพื้นที่ปลอดภัย ดูแลขนและสุขอนามัย: ตรวจสอบขนและผิวหนังของแมวให้สะอาดเสมอ แปรงขนเพื่อป้องกันการพันกันและเพื่อสุขภาพผิวหนังที่ดี 5. เตรียมตัวสำหรับการคลอด สังเกตสัญญาณของการคลอด: เมื่อใกล้เวลาคลอด แมวจะเริ่มมองหาที่พักที่ปลอดภัยสำหรับการคลอด ลูกแมวอาจคลอดภายใน 63-65 […]

การดูแลกระต่ายคู่มือฉบับละเอียดสำหรับเจ้าของมือใหม่

ข่าวสารและสาระน่ารู้ การดูแลกระต่าย: คู่มือฉบับละเอียดสำหรับเจ้าของมือใหม่ การเลี้ยงกระต่ายเป็นสัตว์เลี้ยงที่น่ารักและเป็นมิตร แต่การดูแลกระต่ายอย่างถูกต้องต้องใช้ความใส่ใจและความรู้เฉพาะทางเพื่อให้กระต่ายมีสุขภาพที่ดีและมีชีวิตที่ยืนยาว บทความนี้จะเสนอแนะแนวทางในการดูแลกระต่ายอย่างละเอียดเพื่อให้เจ้าของมือใหม่สามารถดูแลกระต่ายได้อย่างเหมาะสม 1. ที่อยู่อาศัยของกระต่าย การจัดเตรียมที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับการเลี้ยงกระต่าย ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็นสองประเภทหลัก ได้แก่ การเลี้ยงในกรงและการเลี้ยงแบบปล่อยในบ้าน 1.1 กรงกระต่าย ขนาดของกรง: กรงกระต่ายควรมีขนาดใหญ่พอที่จะให้กระต่ายสามารถเคลื่อนไหวได้สะดวก อย่างน้อยควรมีพื้นที่ให้กระต่ายสามารถยืนและยืดตัวได้ โดยทั่วไป ควรมีความยาวประมาณ 4-6 ฟุต พื้นกรง: พื้นกรงควรเป็นวัสดุที่ไม่ทำให้กระต่ายเกิดบาดเจ็บ เช่น พลาสติกหรือวัสดุที่เรียบง่าย หลีกเลี่ยงการใช้กรงที่มีพื้นเป็นตะแกรงลวด เพราะอาจทำให้กระต่ายบาดเจ็บที่เท้า ที่นอน: วางวัสดุที่นอนนุ่มๆ เช่น หญ้าแห้งหรือขี้เลื่อยเพื่อให้กระต่ายรู้สึกสบายและอบอุ่น 1.2 การปล่อยกระต่ายในบ้าน พื้นที่ปลอดภัย: หากปล่อยกระต่ายให้เดินเล่นในบ้าน ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าพื้นที่นั้นปลอดภัยจากสิ่งของที่อาจเป็นอันตราย เช่น สายไฟ ของมีคม หรือสารเคมี พื้นที่สำหรับขับถ่าย: ควรจัดหาที่ขับถ่ายสำหรับกระต่าย เช่น ถาดขับถ่ายที่ใส่ขี้เลื่อยหรือกระดาษเพื่อให้กระต่ายสามารถขับถ่ายได้อย่างเป็นระเบียบ 2. การให้อาหารกระต่าย การให้อาหารที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญในการดูแลสุขภาพของกระต่าย อาหารที่ควรให้ประกอบด้วย: หญ้าแห้ง (Hay): หญ้าแห้งเป็นอาหารหลักของกระต่าย เนื่องจากช่วยในการย่อยอาหารและการขัดฟัน ควรให้หญ้าแห้งชนิดที่มีคุณภาพ เช่น หญ้าทิโมธี […]

น้องเเมวเป็นฝีที่ขาหน้า

ประวัติการรักษา น้องเเมวมาด้วยอาการเป็นฝีที่ขาหน้า น้องเเมวมาด้วยอาการเป็นฝีที่ขาหน้า หมอจึงทำการกรีดฝีออก เเละรีกษาด้วยยากิน พร้อมทั้งรักษาโดยการทำเเผลเเละใช้นวัตกรรมเลเซอร์เข้าช่วยในการรักษา หลังจากใช้เลเซอร์เเค่สามสี่วันเผลเเห้งปิดดีเเล้วค่ะ ภาพก่อนการรักษา ภาพหลังการรักษา

การฉีดวัคซีนกระต่ายความสำคัญและวิธีการดูแล

ข่าวสารและสาระน่ารู้ การฉีดวัคซีนกระต่าย: ความสำคัญและวิธีการดูแล การฉีดวัคซีนกระต่ายเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยป้องกันโรคต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในกระต่าย โดยเฉพาะโรคที่เป็นอันตรายถึงชีวิต การดูแลสุขภาพของกระต่ายให้แข็งแรงเป็นสิ่งที่เจ้าของกระต่ายควรให้ความสำคัญ บทความนี้จะอธิบายถึงความสำคัญของการฉีดวัคซีน วัคซีนที่จำเป็นสำหรับกระต่าย และวิธีการดูแลหลังการฉีดวัคซีน ความสำคัญของการฉีดวัคซีนกระต่าย การฉีดวัคซีนเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในกระต่าย โรคบางชนิดสามารถทำให้กระต่ายป่วยหนักและเสียชีวิตได้ การฉีดวัคซีนช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับกระต่ายและลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ ประโยชน์ของการฉีดวัคซีน ป้องกันโรคที่รุนแรง: วัคซีนช่วยป้องกันโรคที่เป็นอันตรายถึงชีวิต เช่น โรคไข้เลือดออกในกระต่ายและโรคผิวหนังอักเสบ ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ: การฉีดวัคซีนช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อโรคที่สามารถแพร่ระบาดได้ง่าย เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน: วัคซีนช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับกระต่าย ทำให้กระต่ายมีความแข็งแรงและสุขภาพดี วัคซีนที่จำเป็นสำหรับกระต่าย 1. วัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออกในกระต่าย (Rabbit Hemorrhagic Disease Virus – RHDV) โรคไข้เลือดออกในกระต่าย: เป็นโรคที่เกิดจากไวรัสและแพร่ระบาดได้ง่าย โรคนี้มีความรุนแรงและสามารถทำให้กระต่ายเสียชีวิตได้ภายในเวลาอันสั้น การฉีดวัคซีน: วัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออกในกระต่ายสามารถฉีดได้เมื่อกระต่ายอายุประมาณ 10-12 สัปดาห์ และต้องฉีดวัคซีนซ้ำทุกปี 2. วัคซีนป้องกันโรคผิวหนังอักเสบ (Myxomatosis) โรคผิวหนังอักเสบ: เป็นโรคที่เกิดจากไวรัสและแพร่ระบาดผ่านทางแมลงกัด เช่น หมัดและยุง โรคนี้ทำให้กระต่ายมีอาการบวมและผิวหนังอักเสบ การฉีดวัคซีน: วัคซีนป้องกันโรคผิวหนังอักเสบสามารถฉีดได้เมื่อกระต่ายอายุประมาณ 10-12 […]

โรงพยาบาลสนับสนุนค่าใช่จ่ายในการรักษาน้องแมวจร

ประวัติการรักษา น้องแมว ถ่ายเหลว ความดันต่ำ อ้าปากหายใจ กลูโคสในกระเเสเลือดต่ำเเละมีภาวะติดเชื้อเเทรกซ้อน ทางโรงพยาบาลรู้สึกยินดีเป็นอย่างมากที่ได้ช่วยเหลือน้องเเมวจรซึ่งมีเจ้าของเป็นผู้ขีดจำกัดทางการสื่อสารจึงทำให้การสื่อสารเป็นไปได้ยากคุณหมอต้องประเมินตรวจสุขภาพน้องเเมวว่าป่วยเป็นอะไร พบว่าน้องมีเเผลตามตัว ถ่ายเหลว ความดันต่ำ อ้าปากหายใจ กลูโคสในกระเเสเลือดต่ำเเละมีภาวะติดเชื้อเเทรกซ้อน โดยตรวจด้วยเครื่องมือ x-ray Ultrasound ตรวจเลือด หลังจากนั้นจึงทำการรักษาน้องโดยให้อยู่ในตู้ออกซิเจน้ป็นระยะเวลา5-7วัน พร้อมให้ยาเข้าทางเส้นเลือดเป็นระยะเวลา7วัน ทางโรงพยาบาลรู้สึกประทับใจที่ลูกค้าทั้งสองคนมีความรัก เเละห่วงใยสัตว์เลี้ยงเป็นอย่างมาก โรงพยาบาลจึงตัดสินใจให้การสนับสนุนค่าใช่จ่ายในการรักษาทั้งหมด ถือว่าเป็นการช่วยเหลือชีวิตสัตว์ให้มีชีวิตรอดต่อไป ขอให้น้องใจบุญอยู่กับเจ้าของไปนานๆ